วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2557

SKETCH Drawing

            ช่วงนี้หายไปนาน เพราะงานเยอะเหลือเกิน ยิ่งช่วงงานมากๆ เราก็ต้องหาเวลาผ่อนคลาย หากิจกรรมผ่อนคลายสมอง แน่นอนนั่นคือ การวาดรูป ยิ่งวาดรูปพร้อมกับฟังเพลงไปด้วย เพิ่มอารมณ์สุนทรีย์ มันเพลิดเพลินจริงๆ เราลองเอาภาพวาดเก่าๆมาลองให้ดู
              จริงๆการวาดรูป อย่าไปห่วงว่าผลมันจะเป็นอย่างไร คนส่วนใหญ่มักจะกังวลว่ารูปจะสวยไหม กลัวงานออกมาไม่ดี ลองวาดไปตามอารมณ์ ปล่อยให้สมองจินตนาการไปเรื่อยๆ เป็นการสร้างความสุขง่ายๆ ที่สามารถทำที่ไหนก็ได้ เพียงมีสมุด1เล่ม ดินสอหรือปากกาอีก 1 แท่ง พยายามอย่าใช้ยางลบ
SKETCH BOOKS

รูปวาดตามจินตนาการ แรงบันดาลใจมาจาก Le Corbusier
ใช้สีไม้

Flowers ใช้สีไม้ร่างและระบาย

ผลไม้ ใช้สีไม้ร่างและระบาย

วาดคนแบบไม่ยกปากกา ระบายด้วยสีไม้

จริงชอบวาดแนวนี้ แต่ส่วนใหญ่จะบอกดูไม่รู้เรื่อง
                 การวาดภาพลากเส้นไม่ยกปากกา หรือวาดแบบ abstract เป็นการวาดที่สมองกับมือทำงานประสานเชื่อมถึงกัน เป็นการสร้างสมาธิ จริงๆมีภาพแบบนี้เยอะมาก ถ้าเรามองภาพโดยไม่ต้องใช้เหตุผลมาก เราจะเข้าใจ ลองวาดดูโดยไม่คิดถึงเหตุผล มันเพลิน

นี่คือภาพคนนะ วาดด้วยหมึกซึมแล้วระบายสีไม้

ภาพแนวนี้เยอะจริงๆด้วย เป็นภาพพี่น้องข้าพเจ้าเอง เราอยู่
ตรงกลางคนที่มีสีเหลือง แดง ดำ เทคนิคหมึกซึม และสีไม้
ไม่ใช้ยางลบ

Perspective บ้าง ใช้หมึกซึมและสีไม้

คนๆ วาดจากนางแบบ Gemma Ward แต่ไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่
ใช้หมึกซึมและสีไม้เช่นเดิม

Graphic วาดตอนช่วงนำ้ท่วม ใช้หมึกซึม ปากกาเมจิกสี และสีไม้

Graphic

สมุดsketch

sketch ต้นไม้ ใช้หมึกซึมและสีไม้

graphic ใช้หมึกซึมเบอร์ 03 และ0.5

วาดจากนางแบบในนิตยสารขวัญเรือน

ภาพนางแบบแฟชั่น ใช้ปากกาลูกลื่นสีนำ้เงิน และสีไม้

ใช้ปากกาลูกลื่น และสีไม้

My Sketch
 หนังสือที่อยากแนะนำในการวาดรูป "สเก็ตช์อย่างไร ชนะใจลูกค้า" เขียนโดย โนริโยชิ ฮาเซงาว่า ภายในเป็นภาพสีทั้งเล่ม บอกขั้นตอน เคล็ดลับละเอียดมาก แต่ราคาแพงซักหน่อย เล่มละ 495บาท ภายในจะบอกถึงเคล็ดลับในการใช้อุปกรณ์ในการวาด ตั้งแต่สีไม้ สีชอกล์ ดินสอขี้ผึ้ง ปากกาหัวสักหลาด ฯลฯ


หนังสือ  "สเก็ตช์อย่างไร ชนะใจลูกค้า"


เนื้อหาภายในเล่ม

สมุดเลกเชอร์ที่มีทุกวิชา สภาพหน้าปกเยินมาก
              สมุดสีเหลืองนอกจากจดเลกเชอร์ทุกวิชาแล้ว ยังเป็นแหล่งรวมภาพวาดเวลานั่งฟังเบื่อๆ(นิสัยดีมาก) พอได้วาดๆขีดๆเขียนๆลงไปบ้าง มันแก้ง่วงได้ดีมาก

วาดขณะรอตรวจแบบถาปัตย์ไทย

วาดขณะนั่งฟังเลกเชอร์

ขณะนั่งอยู่สตูดิโอ

ขณะนั่งอยู่สตูดิโอ
สุดท้ายอยากให้ลองไปวาดรูปกันดู หรือทำกิจกรรมอะไรก็ได้ที่เราชอบทำเรื่อยๆ ไม่แน่สิ่งที่เราทำอาจกลายเป็นความสำเร็จในวันข้างหน้าก็ได้

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

การออกแบบกราฟิก (Graphic Design)

การออกแบบกราฟิก (Graphic Design)
       งานกราฟิกเป็นส่วนสำคัญที่มีบทบาทยิ่งต่อการออกแบบและกระบวนการผลิตสื่อ โดยเฉพาะสื่อที่ต้องการการสัมผัสรับรู้ด้วยตา (Visual Communication Design) ได้แก่ หนังสือ นิตยสารวารสาร แผ่นป้ายโฆษณา บรรจุภัณฑ์ แผ่นพับ แผ่นปลิว โทรทัศน์ ภาพยนตร์ เว็บไซต์ ฯลฯ นักออกแบบจะใช้วิธีการทางศิลปะและ หลักการทางการออกแบบร่วมกันสร้างสรรค์รูปแบบสื่อเพื่อให้เกิดศักยภาพ สูงสุดในการที่จะเป็นตัวกลางของกระบวนการสื่อความหมายระหว่างผู้ส่งสารและ ผู้รับสาร นักออกแบบกราฟิกจะต้องค้นหา รวบรวมข้อมูลต่างๆ ขบคิดแนวทางและวาง รูปแบบที่ดีที่สุดในอันที่จะทำให้สื่อนั้นสามารถดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย (Target Group) ให้เกิดการรับรู้ยอมรับ และมีทัศนคติที่ดีต่อการตอบสนองสื่อที่มองเห็น (Visual Message)
            วิธีการออกแบบ และวิธีแก้ปัญหาการออกแบบโดยการนำเอารูปภาพประกอบ (Illustration) ภาพถ่าย (Photography) สัญลักษณ์ (Symbol) รูปแบบและขนาดของตัวอักษร (Typography) มาจัดวางเพื่อให้เกิดการนำเสนอข้อมูลอย่างชัดเจน เกิดผลดีต่อกระบวนการ สื่อความหมาย และแสดงคุณค่าทางการออกแบบอย่างตรงไปตรงมา งานออกแบบกราฟิก จึงมีลักษณะเฉพาะซึ่งมีวิธีการและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างไปจากงาน วิจิตรศิลป์ (Fine Arts) แต่ในบางกรณีผู้ออกแบบก็อาจจะสอดแทรกงานศิลปะแท้ๆ (Pure Arts) เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบกราฟิกเพื่อใช้สำหรับกระบวนการสื่อสาร การเรียนรู้ การตลาด การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ซึ่งอาจรวมกันเรียกว่า เป็นงานประยุกต์ศิลป์ (Apply Arts) ถ้าเป็นงานที่มีลักษณะเน้นหนักไปทางด้านธุรกิจ การพาณิชย์ ก็จะเรียกว่าเป็นงานออกแบบพาณิชย์ศิลป์ (Commercial Arts) และถ้าเป็น การเน้นวัตถุประสงค์ในแง่ของการสร่างสรรค์สื่อเพื่อการสื่อความหมายก็จะ รวมเรียกว่าเป็นงานออกแบบทัศนสื่อสาร (Visual Communication Design)

ความหมายของการออกแบบกราฟิก (Definition of Graphic Design)         ได้มีผู้ให้ความหมายของคำว่า “กราฟิก” ไว้อยู่หลายความหมายด้วยกัน ในสมัยโบราณหมายความถึง ภาพลายเส้นหรือภาพที่เกิดจากการวัด จากการขีดเขียนที่แสดงด้วยตารางหรือแผนภาพ การวาดเขียนการระบายสี การสร้างงานศิลปะบนพื้นระนาบ หรืออาจกล่าวอีกนักหนึ่งว่างานกราฟิกหมายถึงกระบวนการออกแบบต่างๆ ในสิ่งที่เป็นวัสดุ 2 มิติ คือมีความกว้างและความยาวเท่านั้น เช่น งานออกแบบบ้านของสถาปนิกในการเขียนแบบ ตัวภาพและรายละเอียดบนแปลนบ้านเรียกว่าเป็นงานกราฟิกการเขียนภาพเหมือนจริง ของจิตรกร การออกแบบภาพโฆษณาของนักออกแบบ การออกแบบฉลาก หรือลวดลายหรือภาพประกอบ หรือตัวอักษรที่ปรากฏบนฉลากสินค้า บนตัวสินค้าหรือบนภาชนะบรรจุสินค้า ฯลฯ เหล่านี้จัดว่าเป็นงานกราฟิกทั้งสิ้น
         คำว่าการออกแบบ (Design) ก็มีความหมายเป็นหลายนัยเช่นกัน จากรายศัพท์ลาตินคำว่า Design ซึ่งมาจาก Designare หมายถึงกำหนดออกมา กะหรือขีดหมายไว้ เป้าหมายที่จะแสดงออกซึ่งหมายถึงสิ่งที่อยู่ในอำนาจความคิด (Conscious) อันอาจเป็นโครงการ รูปแบบหรือแผนผังที่ศิลปินกำหนดขึ้นด้วยการจัดท่าทางถ้อยคำ เส้น สี รูปแบบ โครงสร้างและวัสดุต่างๆ โดยใช้หลักเกณฑ์ทางความงามหรือสุนทรียภาพ (Aesthetic Principle) ประดิษฐ์คิดสร้างสรรค์ขึ้นจากสิ่งที่ง่ายที่สุด ไปจนสิ่งที่ยุ่งยากสลับซับซ้อนเต็มที่

บรรทัดฐานในการออกแบบ
......1. การตอบสนองประโยชน์ใช้สอย (Function) เป็นข้อสำคัญมากในการออกแบบทั้งหมด ในงานออกแบบ กราฟิกนั้น ประโยชน์ใช้สอยมีอิทธิพลกับงานที่เราออกแบบ เช่น งานออกแบบหนังสือ ต้องอ่านง่าย ตัวหนังสือชัดเจนไม่วาง เกะกะ กันไปซะหมด หรืองานออกแบบเว็บไซต์ถึงจะสวยอย่างไร แต่ถ้าโหลดช้าทำให้ผู้ใช้งานต้องรอนาน ก็ไม่นับว่าเป็นงาน ออกแบบเว็บไซต์ที่ดี หรืองานออกแบบซีดีรอม ถ้าปุ่มที่มีไว้สำหรับกดไปยังส่วนต่าง ๆ ของเนื้อหานั้นวางเรียงอย่าง กระจัดกระจาย ทุกครั้งที่ผ้าใช้งานจะใช้ก็ต้องกวาดตามองหาอยู่ตลอด อย่างนี้ก็เรียกว่าเป็นการออกแบบที่ไม่สนอง ต่อประโยชน์ใช้สอย เป็นงานออกแบบไม่ดี ดังนั้นนักออกแบบจึงต้องคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอยเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก ในการออกแบบเสมอ

......2. ความสวยงามพึงพอใจ (Aesthetic) ในงานที่มีประโยชน์ใช้สอยดีพอ ๆ กัน ความงามจะเป็นเกณฑ์ตัดสิน คุณค่าของงาน โดยเฉพาะงานออกแบบกราฟิก ซึ่งถือเป็นงานอกแบบที่มีประโยชน์ใช้สอยน้อยกว่างานออกแบบด้านอื่น อย่าง งานออกแบบผลิตภัณฑ์ งานออกแบบสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ฯลฯ ความสวยงามจึงเป็นเรื่องสำคัญและมีอิทธิพลในงาน ออกแบบกราฟิกอย่างมาก

......3. การสื่อความหมาย (Meaning ) เนื่องจากงานศิลปะนั้นจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อมันสื่อความหมายออกมาได้ งาน กราฟิกก็คืองานศิลปะเช่นกัน การสื่อความหมายจึงเป็นสิ่งที่นักออกแบบขาดเสียไม่ได้ในการออกแบบ ต่อให้งานที่ได้สวยงาม อย่างไรแต่ไม่สามารถตอบโจทย์ของงานออกแบบ หรือสื่อสิ่งที่ผู้ออกแบบคิดเอาไว้ได้ งานกราฟิกนั้นก็จะมีคุณค่าลดน้อย ลงไป

มองอย่างไรให้เป็น : Be Graphic Eyes
           เรื่องของการมองภาพนั้นเป็นเรื่องที่ฝังอยู่ในสามัญสำนึก อยู่ในความรู้สึกหรือที่หลายคนมักเรียกกันว่าเซ็นส์ (Sense) ของเราอยู่แล้ว มนุษย์ทุกคนมีความสามารถในการรับรู้เรื่องความสวยงาม ถึงแม้จะไม่เหมือนกันทุกคน แต่ส่วนใหญ่ก็มีแนวโน้มที่เหมือนกันคล้ายกันกับพื้นฐานในศิลปะที่ติดตัวทุก คนมาตั้งแต่เกิดเพียงแต่ว่าใครจะมีมากหรือน้อย ใครจะได้รับการฝึกฝนมากกว่ากันหรือใครจะดึงออกมาใช้งานได้มากกว่ากัน
          เราในฐานะผู้ออกแบบต้องก้าวข้ามพื้นฐานสามัญของมนุษย์นี้ออกมาเพราะการมอง ภาพสวยไม่สวยเพียงอย่างเดียวคงไม่พอ และไม่สามารถทำให้เราออกแบบงานกราฟิกที่ดีได้ การมองภาพที่สามารถสร้างให้เราเป็นนักออกแบบกราฟิกได้นั้น จะต้องเป็นการมองเข้าไปในแก่นของภาพ ซึ่งมีเรื่องหลักอยู่2 เรื่องด้วยกัน คือ

 1. มองเข้าไปในความหมายของภาพ (Meaning) ที่นัก ออกแบบต้องการสื่อ

 2. มองลึกเข้าไปในรายละเอียดขององค์ประกอบต่าง ๆ (Element) ที่อยู่ภายในภาพ

           รวมทั้งมีความเข้าใจและคิดวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ข้างต้น ให้เป็นแบบอย่างที่เก็บอยู่ในคลังสมองของเรา เพื่อนำกลับมาใช้ในการออกแบบในภายหลัง


ภาษาภาพ : Visual Language
          มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคมที่มีความต้องการใช้ชีวิตอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน เป็นกลุ่มสังคม ดังนั้นจึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะหลีกหนีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน มนุษย์จึงมีการใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารสร้างความเข้าใจระหว่างกัน และกัน
          ตัวภาษามีจุดสำคัญอยู่ที่การสื่อความหมายให้มีความเข้าใจตรงกัน เช่น เรามีภาษาพูดที่ใช้สื่อสารระหว่างกัน และเป็นภาษาที่เราเลือกใช้ได้ง่ายที่สุดแค่เปล่งเสียงออกมาเท่านั้น แต่ลองนึกภาพ ถ้าสมมติว่าเช้าวันหนึ่งเราตื่นขึ้นมากลางกรุงเม็กซิโกเราจะพูดกับใคร พูดกันอย่างไร ...........
          ภาษาพูดจึงมีข้อจำกัด โดยเฉพาะข้อจำกัดในกลุ่มคนที่ใช้ภาษาพูดคนละภาษา (หลายคนอาจจะพูดว่าภาษาอังกฤษก็น่าจะเป็นสื่อกลางได้ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ส่ายหน้าปฎิเสธ) ภาษาพูดไม่สามารถทำให้คนสามารถเข้าใจได้ตรงกันทั่วโลก มนุษย์จึงใช้วิธีการสื่อสารระหว่างกันทางอื่นนั่นก็คือภาษาภาพ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีกว่า



การรับรู้ภาพ : Perception Image

           การรับรู้ภาพเกิดจากการมองเห็นด้วยตาเป็นด่านแรก ผ่านการประมวลผลจากสมองและจิตใจ เป็นการรับรู้และทำความเข้าใจ มีความหมายของใครของมัน และการรับรู้ของแต่ละคนขึ้นอยู่กับการฝึกฝน การมองงานมาก ๆ การพยายามสร้างความ เข้าใจภาพเปรียบเหมือนเรายิ่งฝึกพูด ฝึกฟัง ภาษาอังกฤษบ่อย ๆ ก็จะทำให้เก่งภาษาอังกฤษได้นั่นเองเราแบ่งภาพที่รับรู้ได้ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ด้วยกันคือ
     ภาพที่เราเห็น (Visual Image) ภาพที่เราเห็นคือ ภาพที่ผ่านสายตากระทบโสตประสาทของเรา
     ภาพที่เรานึกคิด (Conceptual Image)ภาพที่เรานึกคิดคือ ภาพที่ผ่านการมองเห็น ผ่านขบวนการประมวลผลจากสมองแล้วเลยนึกสร้างเป็นภาพอื่นตาม